JOKER วายร้ายอันดับ 1 ตลอดกาล วายร้ายจากโลกคอมมิกในดวงใจหลายๆคน

JOKER วายร้ายผู้สร้างความปั่นป่วนได้ตลอดเวลา ไร้ซึ่งความกลัว ทำให้ “โจ๊กเกอร์” เป็นวายร้ายในดวงใจของผู้คนมากมาย

JOKER

JOKER ถ้าหากเรานึกถึง ซุปเปอร์ฮีโร่ หลายคนอาจจะนึกถึง ตัวละครที่ชอบ แตกต่างกันออกไปในแต่ละค่าย แต่ถ้าหากพูดถึงวายร้ายละ แน่นอนเลยว่าในหัวของเรา ก็คงจะคิดถึง โจ๊กเกอร์ เป็นตัวแรกอย่างแน่นอน ด้วยความที่โจ๊กเกอร์ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่หลายคนหลงรัก ที่รู้จักกันว่าเป็น คู่ปรับอันดับ 1 ตลอดกาลของ Batman และเป็นวายร้ายที่ เรารู้จักชื่อเสียงกันมา อย่างยาวนานด้วยความ ร้ายกาจและเอกลักษณ์ อันโดดเด่น

ทำให้ Joker ได้ปรากฏตัวบนจอภาพยนตร์ มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แถมยังมีนักแสดง ระดับแถวหน้าของวงการ หลายคนเวียนกัน มาสวมบทบาทเป็น Joker และในวันนี้ก็นับว่า เป็นปรากฏการณ์สำคัญ ที่วายร้ายชื่อดังคนนี้ ก็ได้ฤกษ์มีหนัง Joker เป็นของตัวเอง และในหนังเรื่องนี้เอง

ก็ได้เล่าความเป็นมาของ โจ๊กเกอร์ ที่ไม่ใช่ในฐานะวายร้ายของ Batman อีกแล้ว หนัง Joker ที่กำลังเป็นที่กล่าวถึง ความยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวหนัง และการแสดงอันน่าทึ่งของ “‘วาคีน ฟินิกซ์” วันนี้เราจึงจะหยิบ เรื่องราวน่ารู้อัน สุดประหลาดที่เกี่ยวกับตัว Joker ว่าทำไมวงการ ถึงยอมรับเขาในฐานะ

วายร้ายอันดับ 1 ตลอดกาล และรู้หรือไม่ว่า ภาพยนตร์เรื่อง Joker 2019 ไม่ใช่ครั้งแรกของ Joker ที่สตูดิโอพยายาม ที่จะสร้างหนังเดี่ยว ให้กับวายร้ายกระฉ่อนโลกรายนี้ แต่ปัญหาหลัก ที่ทำให้โครงการ หนังเดี่ยวของ โจ๊กเกอร์ ต้องเป็นอันล้มเลิกไปก็คือ ภาพพจน์ในฐานะตัวร้าย ในอดีตที่ผ่านมา

ยังไม่ได้รับการยอมรับ ในวงกว้าง แล้วถ้าหากว่าได้สร้าง ออกมาเป็นหนังดี่ยว ก็นับว่าเป็นการเสี่ยงพอดู บวกกับกติกาคุมเข้มของ สมาคมหนังสือการ์ตูนแห่งอเมริกา Comics Code Authority ที่มาจุกจิกจุ้นจ้าน ถึงขนาดบัญญัติไว้ว่า บรรดาวายร้ายในการ์ตูน จะต้องถูกจับกุม หรือส่งเข้าสู่กระบวนการ ยุติธรรมในตอนจบทุกรายไป นั่นจึงเป็นเหตุให้เราเห็นว่า โจ๊กเกอร์ ในการ์ตูนจะต้อง ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลจิตเวชอาร์คัม อยู่บ่อยครั้งในตอนจบนั่นเอง

ในหนังสือการ์ตูน JOKER จริงๆโจ๊กเกอร์ต้องตายไปแล้วเมื่อ 80ปี

JOKER

หากเราย้อนไปเมื่อปี 1940 เมื่อตอนที่หนังสือการ์ตูน Batman เล่มแรกได้ออกวางจำหน่าย โจ๊กเกอร์ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ในเล่มแรกนั้นเลย และในตอนจบของเล่มแรกนั้น โจ๊กเกอร์ ก็ถูกแบทแมนสังหารไปแล้วด้วย แม้แต่ตัวการ์ตูน ก็ยังโชคดีเมื่อบรรณาธิการ ได้มาเห็นจุดจบของ โจ๊กเกอร์ ก็รู้สึกเสียดาย

ด้วยความที่เล็งเห็นว่า คาแรกเตอร์อันโดดเด่น ของวายร้ายตัวนี้ น่าจะสานต่อไปและ ได้รับความนิยม เลยสั่งให้คนเขียนสานต่อ ของเรื่องราวอีกหน่อย โดยให้โจ๊กเกอร์ฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง และในฐานะวายร้าย ตัวฉกาจของแบทแมน แต่มนุษย์ค้างคาวเอง ก็ยังมีความอดทน ต่อความเลวร้าย ความกวนประสาท

ของโจ๊กเกอร์ เพราะเขาเชื่อมั่นเสมอมาว่า โจ๊กเกอร์เป็นโรคจิต และน่าจะรักษาให้ หายขาดได้ จึงไม่เคยคิดจะ สังหารโจ๊กเกอร์ แต่กลับกันซูเปอร์แมน ไม่ได้มีความอดทนได้ อย่างแบทแมน เพราะว่าในหนังสือการ์ตูนตอน “Injustice: Gods Among Us” โจ๊กเกอร์เล่นเกมร้าย กับซูเปอร์แมน

ด้วยการจัดฉากให้ ซูเปอร์แมน เข้าใจผิดว่าเขาพลั้งมือฆ่า ลูอิส เลน คนรักของเขาเอง เมื่อซูเปอร์แมนรู้ความจริง ว่าเป็นแผนร้ายของ โจ๊กเกอร์ ด้วยความไม่ต้อง ยั้งคิดแบบแบทแมน ซูเปอร์แมนระบายความแค้น ด้วยการปล่อยกำปั้น ทะลุหน้าอกของโจ๊กเกอร์

รู้หรือไม่ว่า โจ๊กเกอร์ รู้เป็นอย่างดีว่า บรู๊ซ เวย์น คือแบทแมน แต่ก็ไม่ได้สนใจเลย

ไม่ว่าจะในหนังสือการ์ตูน หรือไม่ว่าจะเป็นในหนัง ก็ไม่ได้มีการเอ่ยถึง เรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่มีหลายๆเหตุการณ์ ที่สนับสนุนว่าแท้จริงแล้ว โจ๊กเกอร์น่ะรู้มาตลอดว่า ตัวจริงของ “แบทแมน” ก็คือ “บรู๊ซ เวย์น” อย่างเช่นโจ๊กเกอร์ มักจะมุ่งเป้าทำร้าย คนที่ใกล้ชิดกับ บรู๊ซ เวย์น แม้กระทั่ง พ่อบ้านอัลเฟรด

ก็ยังเคยโดนโจ๊กเกอร์ ตัดมือขาดไปข้างหนึ่ง มุมมองของโจ๊กเกอร์ เขาไม่ได้มองว่า แบทแมน คือร่างซูเปอร์ฮีโรของบรู๊ซ เวย์น แต่โจ๊กเกอร์มองว่า บรู๊ซ เวย์น คือหน้ากากปิดบังตัวตนจริง ของแบทแมนต่างหาก แน่นอนว่า โจ๊กเกอร์ เป็นวายร้ายที่โฉดที่สุดแล้ว ในจักรวาลดีซี สมแล้วกับตำแหน่ง วายร้ายอันดับ 1

ของโลกการ์ตูน ถ้านับจำนวนเหยื่อ ที่ถูกโจ๊กเกอร์สังหารมาตลอด 80 ปี ก็ต้องนับว่าโจ๊กเกอร์ คือวายร้ายที่สังหาร ผู้คนมากที่สุดแล้ว ในจักรวาลดีซี โจ๊กเกอร์เป็นวายร้ายที่ใช้อาวุธ ได้อย่างหลากหลายรูปแบบ เขาสังหารเหยื่อด้วยมีด ปืน ระเบิด รวมถึง โจ๊กเกอร์ เวนอม ปืนชอร์ตไฟฟ้าคู่ใจ โดยเฉพาะแบทแมนนี่เอง ก็ถูกโจ๊กเกอร์ ฆ่ามาแล้วเป็นสิบครั้ง

“ฮีธ เล็ดเจอร์” ผู้ที่สร้าง โจ๊กเกอร์ที่ดีที่สุด และกลายเป็นตำนาน เขาได้ออกแบบการแต่งหน้าเอง

JOKER

ถึงแม้ว่าตัวเขาจะจากไป แต่ผลงานการแสดง ยังถูกเล่าขานไม่จบสิ้น นอกเหนือจากการการคิดค้น ท่าเคี้ยวปากแจ๊บๆ ขึ้นมาเอง ฮีธ ก็ยังเป็นคนออกแบบ การแต่งหน้าของโจ๊กเกอร์ อันสุดแสนมี เอกลักษณ์เฉพาะตัวเองด้วย เริ่มจากการพอกหน้า ด้วยสีขาวแบบอย่าง ดั้งเดิมของตัวตลก แล้วก็แต่งเติมด้วย

เครื่องสำอางที่เขา ไปหาซื้อมาเอง ออกมาเป็นภาพลักษณ์ ของตัวตลกที่ดูโรคจิต ด้วยเมคอัปแบบเลอะๆ กลายเป็นที่พึงพอใจ ของทีมงาน จำต้องยึดภาพลักษณ์นี้ เอาไว้ตลอดและ ทีมงานเมคอัป ก็ต้องแต่งหน้าแบบเดิม ให้ฮีธแบบนี้ไปตลอด จนจบการถ่ายทำ แต่ในเวลาต่อมาเดิมที บทบาทของโจ๊กเกอร์

จะต้องยังคงดำเนินเรื่อง ต่อเนื่องมาใน “The Dark Knight Rises” ซึ่งเป็นภาคปิดไตรภาค Batman ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน แต่ด้วยสาเหตุสำคัญ ก็เพราะการจากไปอย่างน่าเศร้าใจของ “ฮีธ เล็ดเจอร์” เจ้าของบทโจ๊กเกอร์อันน่าจดจำ ถึงแม้ว่าในหนัง จะไม่ได้มีการอธิบาย อย่างเด่นชัดถึง ชะตากรรมของโจ๊กเกอร์

แต่คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ได้อธิบายลงลึก ถึงสาเหตุการหายตัวไป ของโจ๊กเกอร์ใน The Dark Knight Rises เอาไว้ว่า “หลังการเสียชีวิตของ ฮาร์วีย์ เดนต์ หลังจากได้เป็นอัยการ ของก็อตแธม ทำให้มีการผลักดัน ร่างกฏหมายของเขา เข้าสภาและผ่านการ ลงมติเห็นชอบให้มี

การบังคับใช้ ส่งผลให้บรรดาวายร้าย ที่ถูกกักตัวไว้ในอาร์คัม ต้องถูกย้ายไปเข้าจองจำ ในเรือนจำแบล็กเกตทั้งหมด คงเว้นไว้แต่ โจ๊กเกอร์ วายร้ายตัวฉกาจ ที่ทางการเลือกจะเมินเฉย แล้วปล่อยทิ้งไว้ ที่อาร์คัมเพียงรายเดียว

ข่าวสารเพิ่มเติม : มังงะ

แนะนำหนังน่าติดตาม : Pirates of the Caribbean1