Shrek (2001) เชร็คยักษ์ตัวเขียว กับภารกิจที่นำไปสู่การเจอรักแท้ ดีกรีหนังการ์ตูนออสก้า

Shrek (2001) เชร็คยักษ์ตัวเขียว สุดยอดการ์ตูนคุณภาพ การ์ตูนแนะนำห้ามพลาด

Shrek (2001) แอนิเมชั่นแอคชั่น คอมเมดี้ เสริมไปด้วยความโรแมนติกเล็กๆ มาให้ผู้ชมได้รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ ที่มีเจ้ายักษ์ตัวเขียวเป็นพระเอก ที่ชาวบ้านเห็นต่างก็ก็รังเกียจ และเกรงกลัว อาศัยอยู่ที่บ่อน้ำ ใกล้ๆกับปราสาท ของเจ้าชายเมืองแห่งหนึ่ง เชร็คชอบทำอะไรขัดใจเจ้าชาย เจ้าชายจึงเกณฑ์ไพร่พลทหาร รวมทั้งชาวบ้าน สัตว์ทั้งหลายไปรวมอยู่ที่ บ่อน้ำบ้านของเชร็ค แต่เช็คยักษ์ผู้มีรูปร่างใหญ่โต กับชอบความสันโดษ ไม่ชอบอยู่กับใคร

เพราะเขาคิดว่า ไม่มีใครอยากคบกับเขา เขาตัวใหญ่เป็นที่น่ารังเกียจ Shrek เหมาะสำหรับเหล่าคอ อนิเมชั่น ที่มองหาความแปลกใหม่ รวมถึงรู้จักเทพนิยายกริมม์ มาอยู่ไม่น้อย เพราะว่าเรื่องนี้จะหยิบเอา ตัวละครเหล่านี้มา ปรับใหม่ในมุมที่ คนดูอาจจะไม่เห็นตัวละครที่ รู้จักในมุมพิสดารขนาดนี้มาก่อน

ก็เรียกได้ว่าแต่ละตัวนั้น มีมุมขโมยซีน และสร้างสีสันให้กับหนัง ได้อยู่ไม่น้อยเลย รวมไปถึงการเอามุข จากหนังดังมาปรับใช้ ก็เรียกเสียงฮาได้แบบ 10 กะโหลกอยู่เหมือนกัน อีกทั้งตัวเนื้อเรื่อง ก็ไม่ได้กลวงแถมยังมีข้อคิด และบทพูดคมๆที่น่าสนใจด้วย การสร้างคาแรคเตอร์ ของแต่ละตัวละครภายในเรื่อง

ที่มีกายภาพภายนอก อุปนิสัย คาแรคเตอร์อันโดดเด่น แตกต่างกัน แต่กับเข้ากันได้ดีมาก เมื่อถูกนำมาร่วมภารกิจด้วยกัน สำหรับใครที่ชอบ แอนิเมชั่น สุดสร้างสรรค์จากค่าย Dreamworks อย่าง Masdagascard หรือ Kung Fu Panda แล้วละก็นี่ก็นับว่า เป็นอีกหนึ่งผลงาน ชุดที่โดดเด่นและ ไม่ควรพลาดของค่ายเลย

Shrek (2001)

เรื่องราวของยักษ์เขียวที่ได้รับภารกิจ ไปชิงตัวเจ้าหญิงใน Shrek (2001)

เรื่องราวของยักษ์ตัวเขียวที่ชื่อว่า “เชร็ค” (ไมค์ ไมเยอร์ส) ผู้รักความสันโดษ ดันมาโดนรบกวนโดยตัวละคร ของเทพนิยายที่มารุกราน เพราะการขับไล่ของราชาองค์ปัจจุบัน ทำให้ต้องตัดสินใจ ที่จะช่วยรักษาบ้านของตัวเอง ด้วยการต่อรองกับ ฟาร์ ควอด เชร็คจึงไปหาเจ้าชาย เพื่อที่จะเจรจาต่อรอง ให้สัตว์พวกนั้นกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง เชร็คอยากอยู่ในบ่อน้ำคนเดียว เจ้าชายจึงให้ข้อต่อรองว่า ให้เชร็คสู้กับทหารทั้งหมดของเขา แล้วเชร็คก็เป็นฝ่ายชนะ

เจ้าชายจึงให้เชร็คเป็นตัวแทน เพื่อที่จะไปนำตัว “เจ้าหญิงฟีโอน่า” กลับมาซึ่งเจ้าหญิงฟีโอน่า อยู่บนประสาทหอคอยสูงใหญ่ ประสาทนั้นเป็นหินละลาย และมีมังกรตัวใหญ่ นอนเฝ้าอยู่จึงทำให้ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เพราะว่ามังกรตัวนั้น ก็จะคอยพ่นไฟใส่เมื่อมีผู้มาบุกรุก เชร็คไม่ได้เดินทางไปคนเดียว

แต่เขาเดินทางไปกับลาพูด แถมยังพูดไม่หยุดชื่อว่า “ดองกี้” ซึ่งลาตัวนี้ก็เป็นที่น่ารังเกียจ ของสังคมเหมือนกัน เพราะเขาพูดได้ เขาเหมือนสิ่งแปลกประหลาด เขาจึงขอตามไปอยู่กับเชร็ค เพื่อไปเป็นคู่หูกับเชร็ค ในการทำภารกิจครั้งนี้ พอไปถึงปราสาทเชร็ค ก็สู้กับเจ้ามังกรจนชนะ

แล้วได้ช่วยเจ้าหญิงออกมา จากหอคอยแห่งนั้น เชร็คใส่ชุดเกราะ เจ้าหญิงอยากเห็นหน้าเชร็ค จึงให้เช็คถอดออก พอเจ้าหญิงเห็นหน้าเชร็ค แล้วเจ้าหญิงก็รู้สึกผิดหวัง เพราะไม่ใช่เจ้าชายรูปงามอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นยักษ์ตัวสีเขียว ที่น่ารังเกียจ แล้วทั้งสามก็เดินทางกลับไปที่เมือง เพื่อนำตัวเจ้าหญิง

ไปให้เจ้าชายตามสัญญา ระหว่างทางพอตะวันใกล้พลบค่ำ เจ้าหญิงก็จะรีบเข้าห้องนอน เพราะเจ้าหญิงบอกว่ากลัวความมืด เจ้าหญิงมีรูปงาม ส่วนเชร็คเป็นเพียงแค่ ยักษ์ตัวใหญ่ที่น่ารังเกียจ จึงได้แต่เก็บความในใจไว้ แต่หารู้ไม่ความจริงนั้น เจ้าหญิงโดนคำสาป ตอนกลางวันเป็นเจ้าหญิงรูปงาม พอตะวันพลบค่ำจะเป็นอีกอย่าง แท้จริงแล้วเจ้าหญิง กลายเป็นอะไรกันแน่ ต้องติดตามต่อกันในเรื่องเลย

แนะนำตัวละครใน ภาพยนตร์แอนิเมชั่น “เชร็ค” เจ้ายักษ์ตัวเขียว

Shrek (2001)

  • เชร็ค (Shrek) พากย์เสียงโดย ไมค์ ไมเยอร์ส ยักษ์ตัวเขียวที่โดนใส่ร้ายป้ายสี ว่าเป็นยักษ์กินคนตุร้าย แต่จริงๆแล้วเขาเป็นยักษ์ใจหล่อ มีน้ำใจ แต่เขายอมรับภาพที่คนอื่นๆ สร้างขึ้นเพราะไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย และชีวิตอันสุขสงบของเขา ก็ต้องเปลี่ยนไปหลังจาก ไปช่วยเจ้าหญิงฟิโอน่า
  • เจ้าหญิงฟิโอน่า (Princess Fiona) พากย์เสียงโดย คาเมรอน ดิแอซ เจ้าหญิงผู้มีความลับ กลางวันเป็นสาวสวย เธอถูกส่งตัวไปขังไว้ ที่หอคอยทํางไกลตั้งแต่ 7 ขวบ โดยหวังว่าสักวันจะมีผู้กล้า ไปช่วยและใช้รักแท้ลบล้างคําสาปให้ แต่กลายเป็นว่า คนที่ช่วยเธอหาใช่หนุ่มรูปงาม แต่กลับเป็นยักษ์เขียว
  • ดองกี้ (Donkey) พากย์เสียงโดย เอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์ เป็นลาปากมากพูดไม่หยุด ที่อยู่ๆก็พูดได้ ตอนแรกจะโดนเจ้าของ จับมาขายแลกเงินแต่ หนีไปเจอเชร็คก่อน เมื่อเจ้ายักษ์เขียวช่วยเขาไว้ ดองกี้จึงสํานึกในบุญคุณ จึงกลายเป็นเพื่อนคนแรกของเชร็ค

หัวใจสำคัญของแอนิเมชั่น “เชร็ค” คือการจิกกัด เสียดสี ขยี้เรื่องราวให้เทพนิยาย

ประเด็นของเรื่องราวนี้ ก็คือในส่วนของการ ตัดสินคนจากแค่เพียงภายนอก โดยที่ไม่คิดที่จะ ทำความรู้จักพวกเขาให้ดีเสียก่อน ซึ่งไม่ต่างจากในเรื่องเทพนิยาย ที่มักมีตัวเอกที่หล่อ สวย จนสร้างค่านิยมบางอย่างไปแล้ว แต่ทว่า Shrek คือการเอาเรื่องราวพวกนี้ มาร้อยเรียงใหม่ ทั้งในของการสร้างข้อคิดดีๆ

และในอีกส่วนนึง ก็เอาไว้สร้างสรรค์มุขตลก ออกมาได้อย่างโดดเด่น และเรียกเสียฮาได้สุดๆ นอกจากในเรื่องเทพนิยายแล้ว ตัวหนังก็ยังทำการ ล้อเลียนภาพยนตร์ หรือ Pop Culture ต่างๆได้อย่างสนุกจริงๆ ด้วยทีมพากษ์ตัวละครหลักอย่าง Mike Myers, Eddie Murphy และ Cameron Diaz

ที่เข้าขากันเป็นอย่างดี รวมถึงการยิงมุขต่างๆ จึงเข้าเป้าได้หลายดอก โดยเฉพาะกับ Eddie Murphy ที่เหมาะกับบท เจ้าลาพูดมากเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าการหยิบมาดูตอนนี้ อาจจะต้องยอมรับว่า ภาพในเชร็ค อาจจะสวยเท่าอนิเมชั่นยุคนี้ไม่ได้ ด้วยเทคโนโลยีในสมัยนั้น ที่อาจในภาพมาแบบทื่อๆกว่า

แต่ในแง่ความบันเทิงนั้น ต้องยอมรับเลยว่า เป็นความแปลกใหม่อย่างยิ่ง ในวงการแอนิเมชั่น ที่สามารถทำหนังที่ สามารถจิกกัดเทพนิยาย และล้อเลียนหนังเรื่องอื่นๆ ไปพร้อมๆกันโดยที่ ไม่เสียโครงเรื่องตัวเองเลย แถมยังได้ข้อคิดจากประโยคโดนๆ กลับมามากมายด้วย จนหนังได้รางวัล Best Animated Feature จาก Oscar ปี 2001 มาครอง รวมถึงยังได้เข้าชิงด้านบทด้วย

Shrek (2001)

จากความสำเร็จได้รับ รางวัลOscar ก็มีภาคต่อตามออกมาให้แฟนๆได้สนุกไปกับ ภาพยนตร์แอนิเมชั่น คุณภาพเรื่องนี้

หลังจากที่ภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้มีภาคต่อ ก็คือ Shrek 2 ปี 2004, Shrek the Third ปี 2007, และ Shrek Forever After ปี 2010 ซึ่งโดยรวมแล้ว เรียกว่าดูสนุกทุกภาค การ์ตูนเรื่องนี้เป็น อีกเรื่องที่เหมือนจะทำมาให้เด็กดู แต่สุดท้ายกลับกลาย เป็นเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่า

เพราะด้วยหัวใจสำคัญของภาคแรกก็คือการจิกกัด เสียดสี ขยี้เรื่องราวให้เทพนิยาย ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ให้กลายเป็นความบันเทิง เรียกเสียงหัวเราะออกมาได้มากทีเดียว

“They judge me before they even know me. That’s why I’m better off alone.”
“พวกเขาตัดสินฉันก่อนที่จะรู้จักฉันซะอีก นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำฉันถึงอยู่คนเดียวดีกว่า”

ข่าวสารน่าสนใจเพิ่มเติม : มังงะ บาคาร่าขั้นต่ำ10บาท